ชุมชนท้องถิ่นในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน
ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ริเริ่มแนวทางใหม่ในการสร้าง และแบ่งปันพลังงาน ซึ่งอาจหมายถึงแหล่งชุมชนและบ้านพักอาศัย จะสามารถผลิตพลังงานทดแทนได้ด้วยตนเองในอนาคตอันใกล้นี้
มีงานวิจัยใหม่ที่ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าระบบ ไมโครกริด (ระบบไฟฟ้าขนาดเล็ก) แบบกระจายอำนาจ จะสามารถตอบสนองความต้องการด้านพลังงานในอนาคตของเราได้มากที่สุด
ระบบ ไมโครกริด จะเชื่อมต่อพื้นที่ที่ใกล้เคียงกัน รวมกันเป็นเครือข่ายพลังงานขนาดเล็ก โดยทำงานเป็นอิสระจากแหล่งจ่ายไฟฟ้าหลัก(การไฟฟ้า) เพื่อแบ่งปันพลังงานกันภายในท้องถิ่น ระหว่าง ครัวเรือนและชุมชน ระบบ ไมโครกริด จะมีการกระจายอำนาจและเป็นเจ้าของร่วมกันของคนในชุมชน โดยดำเนินการภายในหมู่บ้านหรือละแวกที่ใกล้เคียงกัน
ระบบนี้จะรวบรวมเทคโนโลยีที่ต่างๆเข้าด้วยกัน เช่น การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บน หลังคาบ้าน รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ปั๊มความร้อน และแบตเตอรี่ที่สามารถจัดเก็บพลังงานและข้อมูลเพื่อการแจกจ่ายพลังงานสะอาดให้กับชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากการวิจัยพบว่าเทคโนโลยี ไมโครกริด สามารถทำให้ชุมชนท้องถิ่นมีพลังงานที่ผลิตได้เองมากถึง 90% ทำให้ชุมชนมีศักยภาพมากพอที่จะสามารถพึ่งพาตนเองได้เต็มที่ในอนาคต
หากมีการปรับปรุงระบบให้เหมาะสมกับการใช้งาน ระบบอาจมีมีประสิทธิภาพมากพอที่จะสามารถผลักดันประเทศเพื่อนำไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนได้อย่างเต็มรูปแบบ
มีการคาดการณ์ว่าภายในปี พ.ศ. 2593 มากกว่า 50% ของครัวเรือนในสหภาพยุโรปจะสามารถผลิตพลังงานทดแทนได้ด้วยตัวเอง โดยหนึ่งในสามของการผลิตพลังงานทั้งหมด จะมาจากชุมชนภายในท้องถิ่น
การหันไปใช้พลังงานสะอาดแทนพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลนั้นเป็นที่นิยมในหมู่ชุมชนเล็ก ๆ ในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งงานวิจัยใหม่เผยว่า ระบบสมาร์ทไมโครกริดในชุมชนเล็ก ๆ เหล่านี้สามารถทำให้คนในชุมชนเข้าถึงไฟฟ้าที่ต้องการทั้งหมดได้
ไมโครกริด คือ คือสถานีไฟฟ้าย่อยในแต่ละพื้นที่ เช่น ในจังหวัด ชุมชน หรือบนเกาะต่าง ๆ ซึ่งจะมีการผลิตไฟฟ้าแบบอิสระในบริเวณนั้น หรืออาจจะเชื่อมโยงกับสถานีใหญ่ โดยมีเป้าหมายให้เกิดการผสมผสานระหว่างไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ให้เสมือนหนึ่งเป็นโรงไฟฟ้าโรงเดียว ดูแลและรับผิดชอบกันเองในบริเวณนั้น ๆ
เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่บุกเบิกการผลิตไฟฟ้าจากไมโครกริดที่ทำให้หมู่บ้านเล็ก ๆ หลายแห่งสามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนใช้เองได้ หมู่บ้านและชุมชนกริดเหล่านี้ได้รับการกระจายอำนาจ และเป็นเจ้าของและดำเนินการการผลิตไฟฟ้าเอง
มากไปกว่านั้น ในชุมชนยังมีการบำบัดน้ำ ให้สามารถนำน้ำที่ใช้แล้วมารีไซเคิล ไปใช้ในการสร้างก๊าซชีวภาพต่อไปได้ ซึ่งนอกจากตัวสถานีไฟฟ้าและโรงบำบัดน้ำ การที่ชุมชนแห่งหนึ่งจะกลายเป็นชุมชนสมาร์ทกริดได้ ในชุมชนจะต้องประกอบไปด้วยหลังคาบ้านที่ติดด้วยแผงโซลาร์เซลล์ที่ครัวเรือนเหล่านี้จะเอาไปในบ้านเองได้ (หลังละ 22 แผง) แต่แต่ละหลังต้องมีการใช้พลังงานที่น้อย มีรถยนต์ไฟฟ้าแทนพร้อมแท่นชาร์จด้วยที่ชุมชนเป็นเจ้าของเอง และหันมาใช้พลังงานสะอาดอื่น ๆ
จากการใช้ข้อมูลจริง นักวิจัยพบว่าเทคโนโลยีไมโครกริดสามารถทำให้ชุมชนท้องถิ่นผลิตพลังงานเองได้ 90% และจะมีศักยภาพในการพึ่งพาตนเองได้อย่างเต็มที่ในอนาคต
“พวกเขาจะสามารถผลิตพลังงาน ความร้อน และน้ำ ด้วยตัวเอง 100 % และมีอาหารเพียงพอ 50 %” Florijn de Graaf วิศวกรระบบพลังงาน ผู้เป็นนำการเขียนงานวิจัยนี้เผย
งานวิจัยยังระบุอีกว่า หากปรับอย่างเหมาะสม ไมโครกริดอาจมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนความพยายามในการเปลี่ยนไปใช้ระบบพลังงานหมุนเวียน และบรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันไมโครกริดจะจ่ายพลังงานให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเช่น รถยนต์ไฟฟ้า หรือเครื่องให้ความร้อนโดยตรงและแยกกัน ซึ่งมันทำให้ระบบจ่ายไฟเป็นที่ต้องการ และทำงานหนักมาก เหมือนกับเต้ารับไฟฟ้าที่มีปลั๊กมากเกินไป ถ้ามีการเพิ่มเครื่องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น อาจต้องมีการอัพเกรดระบบที่มีราคาแพงเพื่อรักษาแหล่งจ่ายไฟ
แหล่งข้อมูล
https://www.securitysystems.in.th/2021/11/netherland-self-sufficient-village/
http://:https://www.weforum.org/agenda/2018/09/these-dutch-microgrid-communities-can-supply-90-of-their-energy-needs/