พลังงานทดแทนในเยอรมัน
ประเทศเยอรมันโตแบบก้าวกระโดดด้านพลังงานทดแทนซึ่งมีเป้าหมายใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้ถึง 65 เปอร์เซ็นต์ ของทั้งหมดภายในปี 2030 รวมถึงจะยกเลิกการใช้พลังงานนิวเคลียร์ ภายในปี 2022 และยังมีการวางแผนระยะยาวในการเลิกใช้พลังงานถ่านหินในการผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว
เยอรมันมั่นใจว่าภายในปีนี้ 2019 จะมีสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด เช่นพลังงานจากลม แสงอาทิตย์ น้ำ และก๊าซชีวภาพเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้เพื่อตอบสนองความต้องการทางไฟฟ้าของเยอรมันที่ผ่านมา ในการผลิตไฟจากพลังงานสะอาดจากเดิมตั้งแต่ปี 2010 เพิ่มขึ้นถึง 40% และมั่นใจว่าจะไม่น้อยกว่านี้แน่นอน
อย่างไรก็ตามเยอรมันใช้พลังงานที่มาจากแหล่งพลังงานทดแทนมากกว่าเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดี แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในเยอมมันลดลง นี้คือความท้าทายของสหภาพยุโรปที่จะทำตามเป้าหมายสนธิสัญญาปารีสให้ได้ คือการลดโลกร้อน จำกัดใช้ถ่านหิน-น้ำมันและหันมาใช้พลังงานทดแทน
ในปีพ.ศ. 2561 เยอรมันใช้พลังงานที่มาจากแหล่งพลังงานทดแทนมากกว่าพลังงานที่มาจากถ่านหิน เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในการใช้พลังงานสะอาด
ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยสมาคมอุตสาหกรรมพลังงานและน้ำของเยอรมนี (BDEW) เมื่อวันอังคาร (10 กรกฎาคม) ที่ผ่านมา พลังงานจากลม แสงอาทิตย์ น้ำ และก๊าซชีวภาพเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้เพื่อตอบสนองความต้องการทางไฟฟ้าของเยอรมนีในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2561 คิดเป็นสัดส่วนถึง 36.3% ในขณะพลังงานไฟฟ้าที่ถ่านหินถูกใช้เพียง 35.1% เท่านั้น
นอกจากนี้ การลดลงของการใช้ถ่านหินส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของการใช้ถ่านหินหนักหรือแอนทราไซต์ที่มีคาร์บอนหนักในขณะที่การใช้ถ่านลิกไนต์หรือถ่านหินสีน้ำตาล (brown coal) ที่มีความเข้มข้นของคาร์บอนน้อยที่สุด คงตัวอยู่ในช่วงปี 2560 ถึง 2561
ถึงอย่างไรก็ตามการลดลงของการใช้พลังงานถ่านหิน คาดว่าจะยังไม่ส่งผลให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในเยอรมนีลดลง แม้จะมีความคืบหน้าในการสร้างกำลังการผลิตพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม เพราะความพยายามผันภาคการขนส่งของประเทศ ซึ่งเป็นภาคที่ใช้พลังงานที่สูง ให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลงยังอยู่ในช่วงตั้งต้น อีกทั้งการตัดสินใจของรัฐบาลกลางในการระงับการใช้พลังงานปรมาณูในปีพ. ศ. 2554 หลังจากเกิดภัยพิบัติจากนิวเคลียร์ฟูกูชิม่ายังคงทำให้เยอรมันต้องหาแหล่งพลังงานใหม่มาแทนที่อยู่ ปัจจัยดังกล่าวทำให้โรงไฟฟ้าถ่านหินยังคงเป็นทางเลือกที่สำคัญในเยอรมัน จากงานวิจัยล่าสุดขององค์กรเอกชนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอังกฤษ องค์กร Sandbag ได้แสดงให้เห็นว่า โรงไฟฟ้าลิกไนต์เจ็ดแห่งในเยอรมนีเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของบริษัทที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นปริมาณสูงที่สุดในทวีปยุโรป
เพิ่มเติมพลังงานทางเลือกใหม่ที่ทั่วโลกให้ความสนใจคงต้องยกให้กับพลังงานแสงอาทิตย์โซลาร์เซลล์ ที่เป็นพลังงานสะอาด ได้เข้ามาช่วยเราในส่วนของการประหยัดพลังงานและค่าไฟแถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก เทียบเท่าการปลูกต้นไม้และยังประหยัดถ่านหินอีกด้วย