มาดูวิธีแก้ปัญหาก๊าซเรือนกระจกของศูนย์อาคารคาร์บอน
ศูนย์อาคารคาร์บอนได้รับความสนใจจากประเทศสหรัฐอเมริกาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนรัฐ และเมือง จึงได้ร่วมกันแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ เกือบ 40% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก เป็นข่าวดีที่ดอกเบี้ย และการลงทุนในศูนย์อาคารคาร์บอนมีการเจริญเติบโตไปพร้อมกับความคิดริเริ่มระดับโลก และการรับผิดชอบร่วมกันของประชาชนในการศึกษาตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานในปี 2018 ของจอห์นสัน มีการควบคุม 50% ขององค์กรทั่วโลก 1,900 แห่งใน 20 ประเทศ วางแผนที่จะสร้างศูนย์คาร์บอน (ให้พลังงานเป็นศูนย์) ในอีก 10 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ 59% ขององค์กร วางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในการใช้พลังงานทดแทนให้เกิดประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะในปีหน้า การลงทุนเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการ decarbonizing (การใช้พลังงานที่ไม่ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์) ทั้งอาคารใหม่ และอาคารที่มีอยู่
การออกแบบอาคาร และศูนย์คาร์บอน ได้รับแนวโน้มสำคัญ 4 ประการ คือ
1. การแยกส่วนของพลังงานไฟฟ้า
2. การใช้พลังงานไฟฟ้าในการสร้างพื้นที่และการทำน้ำร้อน
3. การปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อลดความต้องการพลังงาน
4. ระบบดิจิตอลเพื่อให้ความยืดหยุ่นที่จำเป็นในการตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยในอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเปิดใช้งานเป็นระบบดิจิตอล เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการลดความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุด
การประหยัดพลังงานจะได้รับผลตอบแทน $3 (ประมาณ 100 บาท) การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการทำให้เป็นดิจิตอลนั้นจะครอบคลุมถึงอาคารที่พักอาศัย และชุมชน เพื่อนำไปการลดคาร์บอนไดออกไซด์ในอนาคต
มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายพลังงานทดแทน 100% ภายในปี 2568 มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดแม้ว่าจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของระบบมหาวิทยาลัยของรัฐ แต่ก็มุ่งมั่นกับเป้าหมาย ประสิทธิภาพในการประหยัดสูงสุดถึง 50% และเฉลี่ย 24% โดยการติดตั้งเพิ่มทั้งอาคาร อีกทั้งมหาวิทยาลัยได้เพิ่มการติดแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา 5 เมกะวัตต์และ 68 เมกะวัตต์ และยกเลิกการติดตั้งโรงไฟฟ้าความร้อนร่วมกับแก๊ส และแปลงระบบทำความร้อนด้วยไอน้ำเป็นน้ำร้อน มีการปรับการใช้ถังเก็บน้ำร้อนขนาดใหญ่ให้เหมาะสม โดยใช้การคาดการณ์เจ็ดวันของโหลดความร้อน และราคาพลังงานตามเวลาจริง โดยคาดการณ์ว่าจะลดก๊าซเรือนกระจก 68% ลดน้ำ 15% และประหยัดต้นทุน 420 ล้านเหรียญ (ประมาณ 13,286 ล้านบาท) ในระยะเวลา 35 ปี
แคลิฟอร์เนียมหาวิทยาลัยฮาวาย มุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในการใช้พลังงานทดแทน 100% ใน 10 ปีข้างหน้า ทั้ง Maui College มุ่งเน้นไปที่การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นผลให้ความต้องการไฟฟ้าลดลง 45% ผ่านการควบคุมอาคารใหม่, การติดตั้งอุปกรณ์ HVAC (การทำความร้อน, การระบายอากาศและการปรับอากาศ) ฟิล์มหน้าต่างกระจก และไฟ LED ติดตั้งโซลาร์เซลล์ 2.8 เมกะวัตต์ และที่เก็บพลังงาน 13.2 เมกะวัตต์ จึงเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่ใช้พลังงานทดแทน 100% ระบบการจัดการพลังงานในอาคารนั้นถูกรวมเข้ากับระบบดิจิตัลแสงสว่าง EV การชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ PV และระบบจัดเก็บแบตเตอรี่และให้บริการเปลี่ยนไมโครคอนโทรลเลอร์ ซึ่งรวมถึงห้าวิทยาเขตร่วมลงทุนถึง 79 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,500 ล้านบาท) ในเวลา 20 ปี และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสัญญาการประหยัดพลังงาน
หนึ่งในอาคารคาร์บอนที่น่าประทับใจที่สุดแห่งหนึ่งในปัจจุบันคือ ทรอนด์เฮม ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งออกแบบโดย Powerhouse Brattorkaia เป็นพลังงานบวกในวงจรชีวิตของอาคารทั้งหมด รวมทั้งพลังงานการก่อสร้าง เป็นอาคารสำนักงานแปดชั้นพร้อมโซลาร์เซลล์ 3,000 ตารางเมตร ซึ่งสามารถผลิตได้ 85,000 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ปั๊มความร้อน สารทำความเย็นธรรมชาติจากแหล่งน้ำทะเล และยังมีอาคารคาร์บอนอีกมากมายที่ช่วยแก้ปัญหาก๊าซเรือนกระจก
