กฟผ.สานสัมพันธ์แลกเปลี่ยนมุมมองด้านพลังงานไฟฟ้ากับจีน
รัฐมนตรีช่วยว่าการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการการพลังงานแห่งชาติจีน นำคณะเข้าเยี่ยมชมการดำเนินการกิจการด้านไฟฟ้าของ กฟผ. และหารือแลกเปลี่ยนมุมมองด้านพลังงานไฟฟ้า สร้างความร่วมมือ กระชับความสัมพันธ์ ระหว่างวันที่ 5-7 กรกฎาคม 2560 นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมคณะผู้บริหาร กฟผ. ร่วมให้การต้อนรับ นายหนูเอ่อ ไป๋เค่อลี่ รัฐมนตรีช่วยว่าการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการการพลังงานแห่งชาติจีน และคณะ ในการเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อหารือแลกเปลี่ยนมุมมองด้านพลังงานไฟฟ้าระหว่างสองประเทศ พร้อมเยี่ยมชมการดำเนินกิจการด้านไฟฟ้าของ กฟผ. ณ โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ จ.นนทบุรี
นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ได้กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทไฟฟ้าของประเทศจีนได้เข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาพลังงานไฟฟ้ากับ กฟผ. หลายเรื่องด้วยกัน เช่น การพัฒนาโรงงานไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดเล็ก และระบบส่งไฟฟ้า อีกทั้งประเทศจีนยังเปิดโอกาสให้ กฟผ. ได้เข้าศึกษา ดูงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของประเทศจีนหลายรุ่นด้วยกัน ซึ่งการพบปะในครั้งนี้ยังได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องเทคโนโลยีด้านการผลิตไฟฟ้า และความร่วมมือในการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าร่วมกันในอนาคต ทั้งในประเทศไทย และในประเทศอาเซียน เช่น พม่า ลาว เป็นต้น
และ ภายหลังต่อมาจากการหารือร่วมกันคณะของรัฐมนตรี (ครม.) ประเทศจีนได้เข้าเยี่ยมชมห้องควบคุมการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ และมีกำหนดเดินทางเข้าเยี่ยมชมสถานีไฟฟ้าแรงสูงที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
นายกรศิษฏ์ กล่าวถึงสถานการณ์พลังงานไทยว่า สัดส่วนเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าของไทยยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ต่อไป กฟผ.และกระทรวงพลังงานมีแผนงานที่จะเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนมากขึ้นให้สอดรับกระแสการลดโลกร้อน อย่างไรก็ตาม ระบบไฟฟ้าจะมีความมั่นคงได้ ยังจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าหลักขับเคลื่อน โดย กฟผ.พร้อมเดินหน้าสื่อสารกับสาธารณชนเรื่องการกระจายสัดส่วนเชื้อเพลิงชนิดอื่น ๆ อาทิ ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) เป็นต้น
นายหนูเอ่อ ไป๋เค่อลี่ ได้มีการเปิดเผยถึงสถานการณ์พลังงานไฟฟ้าประเทศจีนว่า ประเทศจีนมีสัดส่วนเชื้อเพลิงถ่านหินที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าคิดเป็นร้อยละ 57 ถ่านหินจึงถือเป็นเชื้อเพลิงทางพลังงานหลักของจีน ดังนั้น จีนจึงไม่มีแผนที่จะยกเลิกโรงงานไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมด แต่จะมุ่งยกระดับในด้านคุณภาพโรงไฟฟ้าเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ปฏิบัติตามข้อตกลงปารีสในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาดที่มีความปลอดภัย ในส่วนของโรงไฟฟ้ารุ่นเก่า จีนจะปิดโรงไฟฟ้าที่มีกำลังผลิตต่ำกว่า
300 เมกะวัตต์ทั้งหมด ภายใน 5 ปี และทยอยปิดโรงงานไฟฟ้ารุ่นเก่าที่ดำเนินการมาแล้วมากกว่า 20 ปีที่มีกำลังการผลิตระหว่าง 300 – 600 เมกะวัตต์ ส่วนโรงงานไฟฟ้าถ่านหินปัจจุบันนั้น จีนจะดำเนินการปรับปรุงเทคโนโลยีให้ปล่อยมลภาวะลดลง ซึ่งปัจจุบันโรงไฟฟ้าถ่านหินของจีนสามารถปล่อยมลภาวะน้อยกว่าโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซ โดยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของจีนจะช่วยลดการใช้ปริมาณถ่านหินเหลือเพียงประมาณ 250 กรัมต่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง และในส่วนของโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จะสร้างใหม่นั้น จีนจะนำเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดมาใช้แทน ทั้งนี้ ปัจจุบันจีนใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้า 940,000 เมกะวัตต์ และในอนาคตคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนสูงถึง 1.1 ล้านเมกะวัตต์
นอกจากนี้ นายหนูเอ่อ ยังแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องพลังงานทดแทนว่าการพัฒนาพลังงานทดแทนโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่พลังงานทดแทน เช่น โซลาร์ฟาร์ม ต้องอาศัยพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่กลับผลิตไฟฟ้าได้น้อย หากนำพื้นที่ขนาดเท่ากันไปสร้างโซลาร์ฟาร์มและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โซลาร์ฟาร์มอาจผลิตไฟฟ้าได้เพียง 200 เมกะวัตต์ ขณะที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 2,000 – 4,000 เมกะวัตต์ รวมถึงยังแสดงความเห็นว่าในอนาคตพื้นที่ในประเทศยังจะต้องลดลงอีกเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของประชากร ดังนั้น การจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าประเภทใดก็ตามนั้น จะต้องมีการคำนึงถึงความเหมาะสมในหลายๆด้านด้วยกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.egat.co.th/
http://energynewscenter.com/index.php/news/detail/844