5 เทคนิค Work From Home ให้ค่าไฟไม่พุ่ง
1. เลือกอุปกรณ์ให้เหมาะกับงาน
ในปัจจุบัน หลายบริษัทเริ่มมีการปรับเปลี่ยนให้พนักงานใช้ โน๊ตบุ๊ค (Notebook) หรือแท็บเล็ต (Tablet) ทำงานแทนการใช้ คอมพิวเตอร์ (Computer) ย้ายระบบเซิร์ฟเวอร์ (Server) ขึ้นคราวด์ (Clound) และบางบริษัทได้ทำ แอพพลิเคชัน (Application) สำหรับให้พนักงานทำงานผ่านมือถือเพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน KGSOLAR ขอพามาดูว่าอุปกรณ์ชนิดใดใช้พลังงานเท่าไหร่ และเราสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการใช้งานอุปกรณ์ของเราให้เหมาะสมอย่างไรได้บ้าง
คอมพิวเตอร์ ค่าพลังงานไฟฟ้า เมื่อใช้งานเป็นเวลา 1 ชม. จะต้องเสียค่าไฟโดยประมาณ 2 บาท/ชม. เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องใช้ทรัพยากรของอุปกรณ์สูง เช่น งานเขียนแบบ งานออกแบบ งานตัดต่อ งานกราฟฟิคทั้งหลาย งานประมวลผลต่างๆ เป็นต้น
โน๊ตบุ๊ค ค่าพลังงานไฟฟ้า เมื่อใช้งานเป็นเวลา 1 ชม. จะต้องเสียค่าไฟโดยประมาณ 0.4 บาท/ชม. เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องใช้ทรัพยากรของอุปกรณ์ปานกลางถึงสูง เช่น งานนำเสนอ รายงานอย่างง่าย การค้นขว้า การสืบค้นข้อมูล วิจัย งานบัญชี การเงิน เอกสารต่างๆ เป็นต้น
แท็บเล็ต ค่าพลังงานไฟฟ้า เมื่อใช้งานเป็นเวลา 1 ชม. จะต้องเสียค่าไฟโดยประมาณ 0.02 บาท/ชม. เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องใช้ทรัพยากรของอุปกรณ์น้อยถึงปานกลาง เช่น งานวาดรูป งานนำเสนอ ดูรายงาน บันทึกประจำวัน ตรวจเอกสาร ตรวจรายงาน ดูกำหนดการ เขียนบทความ เขียนเรียงความ อ่านหนังสือ เรียน E-learning เป็นต้น
มือถือ ค่าพลังงานไฟฟ้า เมื่อใช้งานเป็นเวลา 1 ชม. จะต้องเสียค่าไฟโดยประมาณ 0.02 บาท/ชม. เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องใช้ทรัพยากรของอุปกรณ์น้อยถึงปานกลาง เช่น งานตอบคำถามลูกค้า ตอบแชทลูกค้า ติดต่อประสานงาน นัดหมาย จัดตาราง บันทึกต่างๆ แต่งรูป Live Blog Vlog เป็นต้น หรือเราจะนําเทคโนโลยีการออกแบบที่ยอดเยี่ยมของอุปกรณ์สมัยใหม่ มาช่วยการปรับปรุงวิธีการประหยัดพลังงาน ทดแทนการเลือกใช้อุปกรณ์ได้เหมือนกัน เช่น การใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน หรือ Power Saving
2. รู้ใช้ รู้ประหยัด รู้ความคุ้มค่า
ควรวางแผนการใช้งานอุปกรณ์ที่กินไฟมากให้เป็นตารางที่ชัดเจน เพื่อให้เราสามารถปรับลด-เพิ่มใช้งานให้สอดคล้องกับภาระค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสมได้ เช่น
a.การกำหนดเปิดแอร์ 13.00-17.00 และ 21.00-03.00 สำหรับวันธรรมดา และ 10.00-06.00 สำหรับสุดสัปดาห์-ซักผ้า หรือรีดผ้าเดือนละครั้ง หรือสองสัปดาห์ครั้ง
b.การลดการใช้นํ้าอุ่นในการอาบนํ้าจากทุกวัน เป็นสัปดาห์ละครั้ง
ไม่ควรใช้อุปกรณ์ที่กินไฟมากพร้อมกัน
แอร์ หรือเครื่องปรับอากาศ ควรเลือกให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง และเลือกเปิดเฉพาะแอร์ตามรายการด้านล่างเพราะถ้าเกินจากรายการนี้แสดงว่าห้องทำงานคุณต้องใหญ่มาก ควรเปลี่ยนที่ทำงานนะครับ
a.แอร์ขนาด 12,000 Btu เหมาะกับห้องขนาดน้อยกว่า 20 ตรม. ค่าพลังงานไฟฟ้าหากเปิดใช้งาน 1 ชม. จะต้องเสียค่าไฟโดยประมาณ 14 บาท/ชม.
b.แอร์ขนาด 18,000 Btu เหมาะกับห้องขนาดน้อยกว่า 30 ตรม. ค่าพลังงานไฟฟ้าหากเปิดใช้งาน 1 ชม. จะต้องเสียค่าไฟโดยประมาณ 20 บาท/ชม.
c.แอร์ขนาด 24,000 Btu เหมาะกับห้องขนาดน้อยกว่า 40 ตรม. ค่าพลังงานไฟฟ้าหากเปิดใช้งาน 1 ชม. จะต้องเสียค่าไฟโดยประมาณ 28 บาท/ชม.
เครื่องซักผ้า ไม่ควรซักด้วยเครื่องซักผ้าแล้วหล่ะจริงไหม ? เพราะคุณต้องทำงานที่บ้าน เสื้อผ้าที่ใส่ส่วนใหญ่ก็เป็นเสื้อผ้าที่คุณใส่อยู่บ้านไม่ได้เปื้อน หรือเจอสิ่งสกปรกใดๆ และยังมีปริมานที่ไม่เยอะ แต่ถ้าหากคุณจำเป็นต้องซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าจริงๆ แนะนำว่าแต่ละครั้งในการซักคุณควรใส่ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่น้อยและมากจนเกินไป ค่าพลังงานไฟฟ้าหากเปิดใช้งาน 1 ชม. จะต้องเสียค่าไฟโดยประมาณ 20 บาท/ชม.
กระติกนํ้าร้อน ใส่น้ำให้พอเหมาะกับความต้องการ ไม่ควรใส่มากเกิน หรือน้อยเกินไป ค่าพลังงานไฟฟ้าหากเปิดใช้งาน 1 ชม. จะต้องเสียค่าไฟโดยประมาณ 2.8 บาท/ชม.
ตู้เย็น ไม่ควรนำของที่ยังร้อน หรือของที่มีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิห้องเข้าไปไว้ในตู้เย็น และควรลดการเปิด-ปิดตู้เย็น เพราะจำนวนครั้งในการเปิด-ปิดตู้เย็นนั้นส่งผลต่อค่าไฟ และการใช้พลังงานของตู้เย็น ค่าพลังงานไฟฟ้าหากเปิดใช้งาน 1 ชม. จะต้องเสียค่าไฟโดยประมาณ 0.5 บาท/ชม.
เตารีด ไม่ควรพรมน้ำมากจนเกินไป เพราะจะทำให้สูญเสียความร้อนจากการรีด และควรถอดปลั๊กก่อนเสร็จสิ้นการรีด 3 – 4 นาที ค่าพลังงานไฟฟ้าหากเปิดใช้งาน 1 ชม. จะต้องเสียค่าไฟโดยประมาณ 4 บาท/ชม.
เครื่องทำนํ้าอุ่น ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นที่มีถังน้ำภายในตัวเครื่อง และมีฉนวนหุ้ม เพราะสามารถลดการใช้พลังงานได้มากกว่าชนิดที่ไม่มีถังน้ำภายใน ร้อยละ 10 – 20 หรือทางที่ดีไม่ต้องใช้เลย ค่าพลังงานไฟฟ้าหากเปิดใช้งาน 1 ชม. จะต้องเสียค่าไฟโดยประมาณ 13.5 บาท/ชม.
3. บำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าซะบ้าง!
พัดลม ทำความสะอาดช่องลมตรงฝาครอบมอเตอร์ของพัดลม ซึ่งเป็นช่องระบายความร้อนของมอเตอร์ อย่าให้มีคราบน้ำมันหรือฝุ่นละอองเกาะจับ เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพของมอเตอร์ลดลง และสิ้นเปลืองไฟฟ้ามากขึ้น
กระติกนํ้าร้อน ทำความสะอาดตัวกระติกน้ำร้อนไฟฟ้าด้านใน อย่าให้มีคราบตะกรัน ซึ่งจะเป็นตัวต้านทาน การถ่ายเทความร้อนจากขดลวดความร้อนไปสู่น้ำทำให้เวลาในการต้มน้ำเพิ่มขึ้นเป็นการสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์
โทรทัศน์ ไม่ควรเปิดเลยเพราะคุณต้องทำงาน! อีกทั้งยังสิ้นเปลืองไฟฟ้าโดยไม่จำเป็น
เตารีดไฟฟ้า ตรวจดูหน้าสัมผัส หากพบคราบสกปรก ให้ใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาทำความสะอาดเช็ดออก เพราะคราบสกปรกจะเป็นตัวต้านทานความร้อน ทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้ามากขึ้นในการเพิ่มความร้อน
แอร์ ควรถอดไส้กรองมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง และเมื่อผ่านการใช้งานมาซัก 4-6 เดือน ควรจ้างช่างแอร์มาล้างทำความสะอาดคอยล์ร้อนและคอยล์เย็น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับเครื่องปรับอากาศ ประหยัดค่าไฟ รวมถึงยืดอายุการใช้งาน
เครื่องทำนํ้าอุ่น หมั่นตรวจสอบการทำงานของเครื่องให้มีสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบความปลอดภัยของเครื่อง
ตู้เย็น สำหรับตู้เย็นที่มีแผงระบายความร้อนควรทำความสะอาดแผงระบายความร้อน ตู้เย็นสม่ำเสมอ ถ้ามีฝุ่นเกาะสกปรกมาก จะระบายความร้อนไม่ดี มอเตอร์ต้องทำงานหนัก เปลืองไฟมากขึ้น
4. จัดห้องบ้าง… อะไรบ้าง
จัดห้องทำงาน สำหรับคนที่อยู่บ้านแถบชานเมืองอาจจะไม่พบปัญหาเรื่องฝุ่นควันเท่าไหร่ แนะนำว่าให้เปิดหน้าต่างรับอากาศธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยประหยัดพัดลม และแอร์ได้อีกด้วย สำหรับคนที่อยู่ในเมือง ของที่ไม่จำเป็นสำหรับการทำงาน ควรนำออกไป เสื้อผ้า ของกินไม่ควรนำเข้ามาภายในห้องทำงาน สำหรับคนที่พื้นที่ใช้สอยน้อยควรจัดระเบียบข้าวของอยู่เสมอ ห้องน้ำ ห้องครัวไม่ควรให้ห้องที่มีระบบปรับอากาศสามารถเชื่อมต่อกัน กับห้องเหล่านี้
ตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์นั้นสำคัญ ควรคำนึงถึงหลักถ่ายเทของอากาศไม่ขวางทิศทางลม
รักษ์โลก รักป่า ปลูกต้นไม้ สำหรับใครที่มีบ้านเป็นของตัวเอง แนะนำให้ปลูกต้นไม้ใกล้บริเวณบ้าน ต้นไม้จะช่วยลดความร้อนให้กับสภาพแวดล้อม และเมื่อบ้านเย็นลงย่อมทำให้การใช้เครื่องปรับอากาศ และพัดลมลดลงด้วย
แสงธรรมชาติก็สำคัญ การเลือกใช้ม่านกัน UV แบบทึบ หากไม่ต้องการให้บ้านสว่างในตอนกลางวันเกินไป หรือหากต้องการให้บ้านสว่าง ควรติดตั้งกระจกใสแบบกันความร้อน หรือกระจกฮีตมิเรอร์ และฮีตสต็อป สามารถทำให้อุณหภูมิให้ห้องเย็นขึ้น ไม่ร้อนจนเกินไปทำให้แอร์ก็ทำงานหนักน้อยลง
อากาศภายนอกอาคารนั้นสำคัญ ห้องที่ติดเครื่องปรับอากาศกับทางเข้าบ้าน ไม่ควรเชื่อมต่อกันโดยตรง เพราะอุณภูมิภายนอกสามารถเข้ามาในห้องได้อย่างรวดเร็ว ควรเว้นระยะระหว่างห้อง หรือใช้ฉากกันห้องเป็นตัวกันไม่ให้อุณหภูมิภายนอกเข้ามาในห้องปรับอากาศเร็วจนเกินไป
5. ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับประหยัดพลังงาน
การเปลี่ยนหลอดแบบประหยัดพลังงาน (LED)
หลอดไฟฟ้า LED หรือ Light-emitting diode โดดเด่นในด้านการประหยัดไฟฟ้าเนื่องจากใช้ไฟน้อยกว่าหลอดแบบอื่นๆแต่ให้แสงสว่างที่มากขึ้น นอกเหนือจากที่กล่าวไว้ ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงให้มีโทนสีที่ให้เลือกอย่างหลากหลายทั้งอบอุ่น สว่าง และสว่างมาก มีให้เลือกใช้มากมายหลายรูปแบบตามความต้องการ โดยถ้าหากเราเปลี่ยนหลอดไฟธรรมดาไปเป็น หลอดไฟฟ้า LED หรือ Light-emitting diode ทั้งหมด จะสามารถลดการไฟฟ้าในด้านแสงสว่างสูงสุดถึง 50%
เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบประหยัดพลังงานหรือ มีฉลากเบอร์ 5
ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 คือฉลากที่บ่งบอกระดับการใช้ไฟฟ้าและข้อมูลเบื้องต้นต่างๆ ของเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายต่อปี เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสมและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ฉลากประหยัดไฟจะมีระดับความประหยัดตั้งแต่เบอร์ 1 ถึงเบอร์ 5 โดยที่เบอร์ 5 หมายถึงประหยัดไฟมากที่สุด คือมีอัตราการประหยัดพลังงาน (Energy Efficiency Ratio : EER) มากกว่า 11.0 หน่วย
การติดตั้งโซลาร์เซลล์สำหรับบ้านพักอาศัย (Solar Power System)
หลักการทำงานเป็นอย่างไร? : ระบบโซลาร์เซลล์จะนำแสงอาทิตย์ที่มีอยู่อย่างไม่จำกัดในช่วงกลางวันมาเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าสำหรับจ่ายให้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ทดแทนการใช้ไฟฟ้าที่ต้องซื้อจากการไฟฟ้า
ประหยัดไฟฟ้าได้อย่างไร? : ทดแทนการซื้อไฟจากการไฟฟ้า นำพลังงานแสงอาทิตย์มาผลิตกระแสไฟ จึงสามารถใช้ไฟได้ฟรีๆ ในช่วงกลางวัน หรือจะเก็บมาใช้งานช่วงกลางคืนได้
เปรียบเทียบให้พอเห็นภาพได้อย่างไร? :
* แอร์ขนาด 12,000 Btu กินไฟประมาณ 3 หน่วย/ชม. x จำนวนชม.ที่เปิด = หน่วยไฟที่ใช้ต่อวัน
ติดต่อขอรับคำปรึกษาระบบประหยัดพลังงานแบบครบวงจร 095-945-9000
by Panudech Ponlawan on April 05, 2020